panyotai
EN

ลักษณะพิเศษ

จุดที่ปัญโญทัยแตกต่างจากโรงเรียนอื่นๆ

  • เป้าหมายของเราไม่ใช่การผลิตทรัพยากรมนุษย์เพื่อป้อนตลาดแรงงาน ทิศทางของเราไม่แปรผันไปตามปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือการเมือง จุดมุ่งหมายของเราคือสร้างพื้นฐานความเป็นมนุษย์ให้แก่เด็ก อันเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นไม่ว่าต่อไปเขาจะเลือกเรียนสาขาใดหรือทำงานอะไรก็ตาม ช่วยให้เขามีอิสระทางความคิด รู้จักรับผิดชอบต่อการกระทำของตน พร้อมที่จะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อโลกและเพื่อนมนุษย์
  • เราพยายามรักษาวัยเด็กไว้กับเด็ก ไม่เร่งรัดให้เขารีบโตรีบก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ก่อนเวลา เพื่อให้เขามีชีวิตวัยเด็กที่สดใส แทนที่จะถูกทำลายไปด้วยปัจจัยต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อความบริสุทธิ์ของวัยเด็ก
  • เราพยายามสกัดกั้นกระแสวัตถุนิยม บริโภคนิยม พาณิชย์นิยมไว้จากเด็ก ส่งเสริมให้เด็กใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เป็นตัวของตัวเอง ไม่ตามกระแส ไม่ติดวัตถุ สามารถทำงานพื้นฐานของชีวิต ตลอดจนทำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ได้ด้วยตนเอง
  • บรรยากาศการอยู่ร่วมกันในโรงเรียนเป็นไปด้วยความเอื้ออาทรและเกื้อกูลต่อกัน ครูจะคอยดูแลส่งเสริมให้เด็กๆ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทั้งทางคำพูดและการกระทำ เห็นคุณค่าของกันและกัน ไม่สนับสนุนให้มีการแก่งแย่ง แข่งขัน กลั่นแกล้ง ล้อเลียนกัน การทะเลาะวิวาทไม่ใช่เหตุการณ์ปกติสำหรับที่นี่
  • เราไม่เห็นว่าการให้ข้อมูลเป็นหัวใจของการเรียนการสอน ทว่า การนำข้อมูลมาใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการในพัฒนาการของเด็กต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ การพัฒนาเด็กให้มีความสามารถทางสติปัญญาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือการบ่มเพาะให้เขามีความรับผิดชอบทางจริยธรรม มีความปรารถนาจะลงมือกระทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น
  • ไม่สนับสนุนให้เด็กใช้สื่อต่างๆ โดยเฉพาะโทรทัศน์ สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ก่อนชั้นมัธยมปลาย เนื่องจากมีผลกระทบต่อเด็กอย่างร้ายแรง ตั้งแต่การทำลายจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ผลกระทบต่อการพัฒนาสมอง และปัญหาการพูด ไปจนถึงการปลูกฝังทัศนะบริโภคนิยม วัตถุนิยมลงในตัวเด็ก ปลุกเด็กให้มีความตื่นตัวเรื่องเพศก่อนเวลา อีกประการหนึ่ง การเรียนรู้ของเด็กควรเป็นทางตรงก่อนที่จะเป็นทางอ้อมผ่านสื่อซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มที่มีเป้าหมายและผลประโยชน์ต่างๆ กัน
  • ไม่มีการสอนอ่าน เขียน คำนวณในระดับอนุบาล เด็กจะเรียนรู้ผ่านการเล่น การทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการทำตามแบบอย่างของครู
  • ของเล่นสำหรับเด็กจะเป็นของง่ายๆ พื้นๆ ของจากธรรมชาติ ของที่ครูทำขึ้น ไม่ใช่ของเล่นสำเร็จรูปหรือของเล่นกลไกใดๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้พัฒนาจินตนาการและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่
  • ไม่มีแบบเรียน ในระดับประถมเด็กจะเรียนรู้จากครูผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องนั้นๆ ก่อนจะนำมาถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ชีวิตของตน ประกอบกับความเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก การเรียนการสอนจึงเป็นไปอย่างมีชีวิต เด็กเกิดจินตนาการ สร้างภาพขึ้นในใจ ไม่ใช่เก็บเป็นข้อมูลไว้เพื่อส่งกลับคืน จากนั้นเด็กจะบันทึกบทเรียนไว้ในสมุดของตนเองซึ่งจัดทำขึ้นอย่างมีศิลปะ
  • ส่วนในระดับมัธยมโรงเรียนจะจัดเตรียมหนังสือที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาและพัฒนาการของนักเรียนไว้ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้า
  • ตั้งแต่ชั้น ป. 1 ไปจนถึง ม. 2 เด็กจะมีครูประจำชั้นคนเดิมซึ่งจะติดตามพัฒนาการความก้าวหน้าของนักเรียนไปอย่างต่อเนื่อง รู้จักนักเรียนเป็นอย่างดี เอาใจใส่เด็กแต่ละคนในทุกด้าน ไม่เฉพาะวิชาการ แต่รวมถึงพฤติกรรม ทัศนคติ และการอยู่ร่วมกัน
  • สองชั่วโมงแรกของแต่ละวันในระดับประถมและมัธยมจะเป็นการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่งต่อเนื่องกันไปทุกวันเป็นเวลา 3-6 สัปดาห์ จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นวิชาอื่นต่อไป หลังจากวิชาหลัก 2 ชั่วโมงแรกจะเป็นวิชาประจำซึ่งต้องเรียนอย่างต่อเนื่องตลอดปีทุกวันเวลานั้นๆ ของสัปดาห์ เป็นต้นว่า ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ดนตรี งานไม้ หัตถกรรม
  • รูปแบบการเรียนรู้ไม่ได้เป็นไปโดยนักเรียนนั่งฟังและลอกตามกระดานดำเท่านั้น แต่ยังผ่านการเคลื่อนไหว การปฏิบัติ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการถ่ายทอดผ่านศิลปะอีกด้วย
  • ไม่ใช้การสอบเป็นวิธีวัดประเมินผล โดยที่จำนวนเด็กในแต่ละห้องมีไม่มาก ประกอบกับครูรู้จักเด็กแต่ละคนในห้องเป็นอย่างดี จึงสามารถสังเกตและประเมินได้ว่าการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง โดยไม่จำเป็นต้องประเมินด้วยการสอบ ครูจะพูดคุยกับผู้ปกครอง และเขียนรายงานผลการเรียนของเด็กส่งให้
  • นอกจากนั้น ที่นี่ยังไม่มีการติวนักเรียนสำหรับการสอบใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากการเรียนการสอนของเราไม่ได้เป็นไปเพื่อเตรียมเด็กไปสอบเข้าที่นั่นที่นี่ ทว่า เป็นการเตรียมเด็กให้พร้อมสำหรับชีวิต